ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

What did I really learn on 24 December 2011?

           จากการเรียนอาจารย์มีการอธิบายพร้อมมีตัวอย่างหยิบยกมาเสนอให้กับเรา  ทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจได้ง่าย  เพราะโดยปกติแล้วกฎหมายจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก  เพราะเนื้อหาเยอะและถ้อยคำเข้าใจยาก  แต่การเรียนในวันนี้ทำให้เข้าใจในเบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายอาญาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน  พร้อมกันนี้อาจารย์ยังมีการชี้ช่องให้เห็นว่ากฎหมายยังมีช่องว่างทางกฎหมายอยู่  ทำให้บุคคลต่างๆที่กระทำความผิด  สามารถใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดของตนเองไปได้ 
            พร้อมกันนี้อาจารย์ยังได้สอนเกี่ยวกับรูปแบบของการทำงานในอดีตและปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ การทำงานในอดีตเราจะทำงานเป็นเวลาที่แน่นอน ตายตัว  แต่ในปัจจุบันการทำงานสามารถที่จำได้ตลอด 24 ชั่วโมง การทำงานในอดีตเราจะทำงานในออฟฟิต  แต่ในปัจจุบันไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเราก็สามารถที่จะทำงานได้เช่นเดียวกัน  

            จากการที่ได้เรียนในวันนี้ทำให้ทราบเกี่ยวกับกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ  กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานซึ่งสามารถที่จะแบ่งออกเป็น 3 ภาค ด้วยกันคือ
            (1).ภาค 1 บทบัญญัติทั่วไป
            (2).ภาค 2 ภาคความผิด
            (3).ภาค 3 ลหุโทษ
            กฎหมายอาญา คือ กฎหมายที่ว่าด้วยความผิดและโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด ตัวบทที่สำคัญๆ ของกฎหมายอาญาก็คือ ประมวลกฎหมายอาญา นอกจากประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ยังมีพระราชบัญญัติอื่นๆที่กำหนดโทษทางอาญาสำหรับการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินั้น เช่น พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พระราชบัญญัติการพนัน เป็นต้น
            ทุกสังคมย่อมมีกฎเกณฑ์ ข้อบังคับความประพฤติของสมาชิกในสังคมนั้นๆ บุคคลใดมีการกระทำที่มีผลกระทบกระเทือนต่อสังคมหรือคนส่วนใหญ่ จัดเป็นการกระทำความผิดทางอาญา ดังนั้นกฎหมายอาญาจึงเป็นกฎหมายซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันสังคม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยการกำหนดว่า การกระทำใดเป็นความผิดอาญาและได้กำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืน กระทำความผิดนั้นๆ
           
            ลักษณะสำคัญของกฎหมายอาญา
            (1).เป็นกฎหมายที่กำหนดเป็นความผิดชัดแจ้ง ในขณะกระทำความผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วอย่างชัดแจ้งว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด เจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายจะสร้างกฎหมายใหม่ขึ้นมาใช้บังคับแก่ประชาชนคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้ เช่น กฎหมายบัญญัติว่า การลักทรัพย์เป็นความผิดดังนั้น ผู้ใดลักทรัพย์ก็ย่อมมีความผิดเช่นเดียวกัน
            (2).เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง เป็นโทษไม่ได้แต่เป็นคุณได้ ถ้าหากในขณะที่มีการกระทำสิ่งใดยังไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด แม้ต่อมาภายหลังจะมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำอย่างเดียวกันนั้นเป็นความผิด ก็จะนำกฎหมายใหม่ใช้กับผู้กระทำผิดคนแรกไม่ได้
           
            โทษทางอาญา
                1) ประหารชีวิต คือ นำตัวไปยิงด้วยปืนให้ตาย
                2) จำคุก คือ นำตัวไปขังไว้ที่เรือนจำ
                3) กักขัง คือนำตัวไปขังไว้ ณ ที่อื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ เช่น นำไปขังไว้ที่สถานีตำรวจ
                4) ปรับ คือ นำค่าปรับซึ่งเป็นเงินไปชำระให้แก่เจ้าพนักงาน
                5) ริบทรัพย์สิน คือ ริบเอาทรัพย์สินนั้นเป็นของหลวง เช่น ปืนเถื่อน ให้ริบ ฯลฯ
           
            มีการกระทำ มี 2 ประเภท
            (1).โดยเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น ทางตรงได้แก่ ใช้ปืนยิง ทางอ้อมได้แก่ ใส่ยาพิษในอาหาร
            (2).โดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย คือ การงดเว้นหน้าที่ และการละเว้นหน้าที่
           
            องค์ประกอบของความผิด มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ
            (1).องค์ประกอบภายนอก ได้แก่ การกระทำและสิ่งต่าง ๆ ที่กฎหมายอาญาบัญญัติว่าเป็นความผิด เท่าที่ปรากฏออกมา
            (2).องค์ประกอบภายใน ได้แก่ เป็นเรื่องที่กฎหมายที่กำหนดความผิดได้กำหนดไว้เกี่ยวกับจิตใจของผู้กระทำผิด

What did I learn on youtube? # 3



การดำเนินธุรกิจกับความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย

          จากการศึกษาคลิปวิดีโอนี้แล้วสามารถสรุปใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้
            สิ่งที่สำคัญที่สุดของนการเรียนรู้กฎหมายก็คือ  เราจะต้องมองภาพให้ออกว่ากฎหมายมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่แท้จริงที่ดำเนินธุรกิจอยุ่ในปัจจุบันอย่างไรนั่นเอง 
ก่อนอื่นเราก็จะมาเรียนรู้กันก่อนว่าคำว่า  ธุรกิจ คืออะไร  ธุรกิจเป็นสิ่งที่คนเรารวมกลุ่มกันแล้วร่วมทุนกัน จากนั้นก็ทำกิจกรรมร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรและมีความเสี่ยงต่อการขาดทุน โดยการดำเนินธุรกิจร่วมกัน เมื่อได้กำไรมาแล้วก็นำกำไรดังกล่าวมาแบ่งบัน
            กฎหมาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจในองค์กรนั้นก็คือ เพื่อช่วยให้องค์กรดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ก็คือ ในการดำเนินธุรกิจนั้นจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกับบุคคลหลากหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ลูกค้า ก็ล้วนอาศัยกันทำงานร่วมกับผู้อื่น อย่างเช่นเมื่อมีการทำสัญญาซื้อขายทรัพย์กับบุคคลอื่น ถ้ามีข้อตกลงที่เป็นหลักเป็นการหรือเป็นหลักฐานที่มั่นคง ก็จะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง มั่นใจ และอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ
            การดำเนินธุรกิจนั้นก็เริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบหรือสิ่งที่เราถนัด อาจจะเป็นสิ่งที่เราเรียนมาหรือเราไม่ได้เรียนก็ก็ได้เช่นเดียวกัน  จากนั้นก็จัดหาคนหรือแรงงาน  ทรัพย์มาร่วมทุน ร่วมหุ้น ร่วมแรงกัน  จากนั้นก็เลือกองค์กรธุรกิจให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง  ซึ่งประเภทขององค์กรธุรกิจนั้นก็มีมากมายหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น  ร้านค้าพาณิชย์  ห้างหุ้นส่วนสามัญ  ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน  ห้างหุ้นส่วนจำกัด  และบริษัทจำกัดมหาชน  ต่อจากนั้นเราก็จะดำเนินธุรกิจ  ซึ่งการดำเนินธุรกิจนั้นก็มีส่วนประกอบหลายส่วนด้วยกันหรือจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อต่างๆในการดำเนินธุกิจดังต่อไปนี้อย่างแน่นอน  โดยเริ่มจาก
            (1).การจ้างคนเข้าทำงาน มีการจัดตั้งฝ่ายบุคคลเพื่อคัดสรรคนเข้าทำงานกับองค์กร โดยจะต้องเลือกคนให้ถูกและเลือกให้เป็นหรือที่เรียกว่า “Put the right man on the right job” นั่นเอง
            (2).การจ่ายผลตอบแทนผู้ถือหุ้น มีการแบ่งปันผลกำไรซึ่งกันและกัน แต่ถ้ามีการขาดทุนก็ต้องมีการรับผิดร่วมกันด้วย
            (3).การติดต่อธุรกิจการค้า ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะธุรกิจต้องมีการซื้อ การขาย การแลกเปลี่ยน การจ้างต่างๆ
            (4).การทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืมเงินต่างๆมาลงทุนในกิจการของตน
            (5).การคิดค้นนวัตกรรม ในปัจจุบันบริษัทต่างๆก็คิดค้นนวัตกรรมของตนเอง หรือที่เรียกว่า Research & Development (R&D) นั่นเอง เพื่อค้นค้าวิธีการใหม่ๆหรือนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่งขันของตนเองนั่นเอง
            (6).การเกิดกรณีพิพาท การดำเนินธุรกิจนั้นอาจจะมีข้อพิพาทเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องควบคุมกำกับดูแลให้มีข้อพิพาทกับองค์กรหรือบุคคลต่างๆให้น้อยที่สุด
            ซึ่งที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนั้นก็คือการจัดตั้งองค์กรนั่นเอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎหมายหุ้นส่วนบริษัท และกฎหมายบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องในการจัดตั้ง และอำนาจหน้าที่ในการจัดตั้งองค์กร 
            ในส่วนต่อไปที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายก็คือ  องค์ประกอบในการดำเนินธุรกิจนั่นเอง  โดยเริ่มจากข้อแรกก็คือ
            (1). การจัดจ้างคนเข้าทำงาน ในส่วนนี้จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็คือ สัญญาจ้างแรงงาน กฎหมายแรงงาน พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายบุคคล ซึ่งทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายการจ้างคนเข้าทำงาน
            (2).การจ่ายผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ กฎหมายหุ้นส่วนบริษัท และกฎหมายบุคคล
            (3).การติดต่อธุรกิจการค้า กฎหมายที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนนี้ก็คือ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ นิติกรรมสัญญา สัญญาซื้อขาย สัญญาเช้าทรัพย์ สัญญาเช่าซื้อ และสัญญาจ้างทำของ ซึ่งมีมากกว่านี้ แต่ในเบื้องต้นจะต้องรู้และเข้าใจกฎหมายทั้ง 5 ส่วนนี้ก่อนเป็นเบื้องต้น
            (4).การทำธุรกรรมทางด้านการเงิน ซึ่งได้แก่การกู้ยืมเงิน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็คือ กฎหมายหนี้ กฎหมายสัญญายืม กฎหมายค้ำประกัน กฎหมายจำนอง และกฎหมายจำนำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหรือผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องมีความเข้าใจเป็นอันดับแรกๆ เพราะมีความสำคัญ
            (5).การคิดค้นนวัตกรรม ในปัจจุบันนี้ก็มีการคิดค้นนวัตกรรมต่างที่แปลกใหม่อย่างกว้าง ซึ่งก็คงไม่มีใครอยากให้นวัตกรรมของตนเองนั้นถูกใครเลียนแบบอย่างแน่นอน และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิในนวัตกรรมของตนเอง ก็มีกฎหมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับส่วนนี้ก็คือ กฎหมายลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ซึ่งประเทศไทยยังอ่อนด้อยในข้อนี้อยู่เป็นอย่างมาก
            (6).การกรณีพิพาท ต้องมีการเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดอย่าง
ดังนั้นจะต้องมีกฎหมายมีเกี่ยวข้อง ก็คือกฎหมายสัญญาประนีประนอมยอมความ เพื่อให้จบลงด้วยดีนั่นเอง
            ซึ่งเราสามารถกล่าวสรุปได้คือ  ไม่มีขั้นตอนไหนของการดำเนินธุรกิจที่จะไม่มีกฎหมายไปเกี่ยวข้อง  ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในทุกๆขั้นตอนนั่นเอง  ซึ่งมีส่วนประกอบของกฎหมายต่างๆที่ผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องรู้และเข้าใจเป็นเบื้องต้นและสามารถนำไปปฏิบัติได้  ซึ่งการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายธุรกิจนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนก็คือ รู้จำ รู้เข้าใจ รู้นำไปใช้ นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในการดำเนินธุรกิจ หรือเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจที่มีกฎหมายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง